NAP A LEAN
“ ว่าฉันไม่เคยจะเหงา
ไม่คิดถึงเลย
เห็นเธอกับเขาทีไร หัวใจยังรู้สึกเฉยๆ
ไม่คิดถึงเลย ไม่เคย
ฉันไม่เคยคิดถึงเธอทุกวัน ”
หลายคนอาจคุ้นเนื้อเพลงท่อนนี้
นั่นก็คือเพลง ไม่คิดถึงเลย ของวง NAP A LEAN ซึ่งมีมือกีต้าร์
ที่เป็นศิษย์เก่าคณะการสื่อสารมวลชน(แมสคอม) มช.
“ ว่าฉันไม่เคยจะเหงา
ไม่คิดถึงเลย
เห็นเธอกับเขาทีไร หัวใจยังรู้สึกเฉยๆ
ไม่คิดถึงเลย ไม่เคย
ฉันไม่เคยคิดถึงเธอทุกวัน ”
หลายคนอาจคุ้นเนื้อเพลงท่อนนี้
นั่นก็คือเพลง ไม่คิดถึงเลย ของวง NAP A LEAN ซึ่งมีมือกีต้าร์
ที่เป็นศิษย์เก่าคณะการสื่อสารมวลชน(แมสคอม) มช.
เหตุใดถึงเลือกเข้ามช.
ฮั้ว : เพราะว่าตอนม.ปลายเรียนที่เชียงใหม่
ตอนนั้นเรียนที่โรงเรียนมงฟอร์ต แล้วก็มันมีโควตาไง โรงเรียนเราอยู่ภาคเหนือ
เลยเลือกสอบโควตา เลือกอันดับ1ก็แมสคอมนี่แหละ แล้วก็ติด
เลือกเพราะใกล้บ้านด้วย พื้นเพก็เป็นคนเชียงใหม่ เกิดที่เชียงใหม่
แล้วคุณแม่ก็อยู่เชียงใหม่ด้วยก็เลยเลือกเรียนมหาลัยเชียงใหม่
สถานที่ที่ชอบใน มช.
ฮั้ว : อ่างแก้วล่ะนะ เพราะว่า สมัยที่เรียน
คณะเราอยู่ใกล้ๆอ่างแก้ว(ตึกเก่า) ตรงข้ามข้ามลาน ควายยิ้ม (หัวเราะ)
สมัยนี้เขาเรียกลานควายยิ้มกันอยู่มั้ยนะ
ซึ่งแถวนั้นมีความทรงจำกับเพื่อนๆตอนปีหนึ่ง เต็มไปหมดเลย
สมัยก่อนลอยกระทงกันในอ่างแก้วด้วยนะ จีบสาวก็ที่อ่างแก้วนี่แหละ วิชา photo ก็ถ่ายรูปอ่างแก้วนี่แหละ
แถวๆนั้นความทรงจำตก ๆ หล่น ๆ อยู่เต็มไปหมดเลย
จากที่ทราบมาในตอนนั้นเข้าศึกษาในคณะการสื่อสารมวลชน
แต่แรงจูงใจอะไรที่ทำให้หันมาทำดนตรีอย่างจริงจัง
ฮั้ว : จริง ๆ
แมสคอมเนี่ยมีคนเล่นดนตรีเยอะมากเลยนะครับ เป็นเหมือนคณะที่มันอยู่กับศิลปะ
และสื่อ เป็นคณะที่เอาศิลปะสื่อให้คนจำนวนมาก ให้เขาเข้าใจได้ เช่นถ่ายรูป
สมัยที่พี่เรียนรุ่นพี่มีถ่ายรูปแบบเป็น ฟิล์มด้วยนะครับ ห้องล้างฟิล์มอยู่ที่ HB6 ตึกเก่าอะ
มีห้องล้างฟิล์มห้องมืด น่าจะเป็นรุ่นสุดท้ายแล้วรุ่น 50
ที่มีการล้างฟิล์มซึ่งพี่ว่ามันเจ๋งมากนะครับ
อ่า..ถามถึงเรื่องดนตรีนี่หว่าไปเรื่องฟิล์มเรื่องภาพอะไรวะ
ไม่..หมายถึงว่ามันรวมๆกับศิลปะดี อีกอย่างรุ่นพี่ 48 ก็มี better weather ด้วย ตอนพี่เข้าปี1 50 ตอนรับ น้อง
พี่หนึ่ง ETC
ที่เป็นนักร้องETC ก็เป็นศิษย์เก่าเขาก็มารับน้องด้วย
ก็เป็นเรื่องจูงใจอยากเล่นดนตรีว่ะ อย่างคณะเรามีกิจกรรมอะไรก็ชอบมีวงดนตรีสด
เช่นบายเนียร์ โฮมคัมมิ่ง รับน้อง อะไรทุกอย่างของคณะเรามีดนตรีหมด
เหตุการณ์อะไรที่ทำให้ได้มาเล่นดนตรีด้วยกัน
ฮั้ว : กับสมาชิกวง NAP A LEAN เคยรู้จักกันนานแล้วตั้งแต่สมันม.ปลาย
เล่นดนตรีตามงานประกวด นักร้องนำ มือเบส มือกลอง ก็คนละวงกัน เวลาไปประกวดก็เจอกัน
ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ก็รู้จักกัน พอแยกย้ายกันไป ผ่านไป 4-5 ปี
กลับมาเจอกัน ก็เริ่มแต่งเพลงแล้วก็มีคนสนใจเพลงที่เราแต่งไว้ ตอนนั้นเราแต่งเพลง “ได้ยินข่าว”
แล้วร้องให้ โต้(นักร้องนำ) ฟังโต้ก็บอกเห้ยดีอะ
อยากร้องเพลงนี้ ทำดูโอกันไหม ปัจจุบันก็มี4คน ก็ชวน ๆ
มานั่นแหละเป็นทีมแบ็คอัพจากเชียงใหม่ซึ่งเป็นเพื่อน ๆ กัน ที่เล่นดนตรีกลางคืน
เมื่อก่อนเล่นที่มังกี้*
*มังกี้ คือ
อดีตผับดังย่านนิมมานเหมินท์
แนวเพลงของวง NAP A LEAN
ฮั้ว : เรียกแนวเพลงของพวกเราว่า Alternative pop หรือ indy pop ก็ได้ครับ
ไอเดียคือ อยากทำเพลงที่ติดหูคนทั่วไป แบบ pop ตลาด
แต่พวกเราก็อยากให้เป็นตัวเองที่สุด ดนตรีก็เลยมีลวดลายที่มีเอกลักษณ์ แตกต่างจากท้องตลาดทั่วไป
เรียกว่าเป็นเพลง pop ทางเลือกก็ได้ครับ
ชื่อวงมาจาก
ฮั้ว : พวกเราตั้งชื่อ โดยใช้วิธีคิดแบบ
ตั้งชื่อเรียกเฉพาะครับ ไม่ได้มีความหมายเป็นสำคัญ แต่เน้น search หาเจอ
ไม่ซ้ำใคร เพราะยุคที่เราเริ่มทำเพลงกันเองนั้น เป็นยุคที่คนฟังเพลงจาก internet ซะส่วนมาก
นั่นคือเหตุผลที่ nap a lean เป็น วลี ที่ผิดไวยากรณ์ ทำให้
เมื่อพิมพ์หาในโลกออนไลน์ก็จะเจอแต่พวกเราขึ้นมา เพราะ
วลีนี้ไม่มีใครเขาใช้กันครับ
อยากจะบอกกับน้อง ๆ
ที่กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย
ฮั้ว :
อันดับแรกคือเรียนให้จบหลังจากเรียนจบได้วุฒิป.ตรีมาแล้วอยากจะทำอะไรก็ทำไปเลย
อยากจะท่องเที่ยว อยากจะหาเงิน อยากทำอะไรก็ทำ
แต่ระหว่างที่เรียนก็แล้วแต่คนว่าอยากทำอะไร พี่ก็ทำหลายอย่างอยู่เหมือนกัน
เรื่องเรียนมันเป็นเหมือนเรื่องที่ต้องทำ เพราะว่าวุฒิการศึกษาป.ตรี
ในชีวิตจริงได้ใช้งานแน่นอน เพราะฉะนั้นน้องๆที่เรียนอยู่เรียนให้จบนะครับ
จะได้ทำตามสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ใช้วุฒิไปทำหรือว่าถ้าจะไม่ทำตามที่เรียน
สาขาที่เรียน ก็เรียนให้จบไปก่อนก็ไปทำได้ไม่เป็นไร
แต่ที่สำคัญคือเรียนให้จบไปก่อน
ถ้าพูดถึง 4.0 จะคิดถึงอะไร
ฮั้ว : 4.0 เป็น นิยาม มโน อุปทาน
อันเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย แสดงถึงการปรับปรุงมาถึง 4เวอร์ชั่นหรือมากกว่า
เพราะฉะนั้นมันต้องดีแน่ๆ ใหม่ล้ำยุคสุดๆ
ซึ่งในบางที่ก็เป็นนิยามแห่งความล้าหลังเช่นกัน เพราะบางทีถ้าหากของมันดีจริง
มันต้องเยี่ยมตั้งแต่เวอร์ชั่น 1.0 ก็น่าจะพอแล้ว การปรับปรุงมาถึง 4.0 ก็แสดงถึงความห่วยแตกได้เหมือนกันครับ
ความเกี่ยวพันของเลข 4 ในวง
เลข 4 ก็ วงมีสมาชิก 4 คน
โต้นักร้องนำชอบกิน เย็นตา 4
บาสมือเบสชอบกินชาย 4 บะหมี่เกี๊ยว
ฝากผลงาน
เพลงที่บอกเล่าอีกมุมหนึ่งของ
การแตกหักในชีวิตคู่ เพราะเมื่อมีฝ่ายที่โดนบอกเลิก ก็ต้องมีฝ่ายบอกเลิก
เป็นของคู่กันเสมอ แต่ใครๆ ก็เอาแต่มองว่าฝ่ายบอกเลิก เป็นคนนิสัยไม่ดี
จะมีใครมาสนใจความรู้สึกของฝ่าย 'บอกเลิก' บ้างว่า พวกเขาก็เสียใจ
และเจ็บปวดไม่แพ้กันที่ต้องเลือกจบความรักทั้งที่ไม่ได้อยากจบมัน เพราะการบอก 'เลิกคบ' มันไม่ได้แปลว่า
'เลิกรัก'... "หยุดเลยอย่างร้อง"
เหตุใดถึงเลือกเข้ามช.
ฮั้ว : เพราะว่าตอนม.ปลายเรียนที่เชียงใหม่
ตอนนั้นเรียนที่โรงเรียนมงฟอร์ต แล้วก็มันมีโควตาไง โรงเรียนเราอยู่ภาคเหนือ
เลยเลือกสอบโควตา เลือกอันดับ1ก็แมสคอมนี่แหละ แล้วก็ติด
เลือกเพราะใกล้บ้านด้วย พื้นเพก็เป็นคนเชียงใหม่ เกิดที่เชียงใหม่
แล้วคุณแม่ก็อยู่เชียงใหม่ด้วยก็เลยเลือกเรียนมหาลัยเชียงใหม่
สถานที่ที่ชอบใน มช.
ฮั้ว : อ่างแก้วล่ะนะ เพราะว่า สมัยที่เรียน
คณะเราอยู่ใกล้ๆอ่างแก้ว(ตึกเก่า) ตรงข้ามข้ามลาน ควายยิ้ม (หัวเราะ)
สมัยนี้เขาเรียกลานควายยิ้มกันอยู่มั้ยนะ
ซึ่งแถวนั้นมีความทรงจำกับเพื่อนๆตอนปีหนึ่ง เต็มไปหมดเลย
สมัยก่อนลอยกระทงกันในอ่างแก้วด้วยนะ จีบสาวก็ที่อ่างแก้วนี่แหละ วิชา photo ก็ถ่ายรูปอ่างแก้วนี่แหละ
แถวๆนั้นความทรงจำตก ๆ หล่น ๆ อยู่เต็มไปหมดเลย
จากที่ทราบมาในตอนนั้นเข้าศึกษาในคณะการสื่อสารมวลชน
แต่แรงจูงใจอะไรที่ทำให้หันมาทำดนตรีอย่างจริงจัง
ฮั้ว : จริง ๆ
แมสคอมเนี่ยมีคนเล่นดนตรีเยอะมากเลยนะครับ เป็นเหมือนคณะที่มันอยู่กับศิลปะ
และสื่อ เป็นคณะที่เอาศิลปะสื่อให้คนจำนวนมาก ให้เขาเข้าใจได้ เช่นถ่ายรูป
สมัยที่พี่เรียนรุ่นพี่มีถ่ายรูปแบบเป็น ฟิล์มด้วยนะครับ ห้องล้างฟิล์มอยู่ที่ HB6 ตึกเก่าอะ
มีห้องล้างฟิล์มห้องมืด น่าจะเป็นรุ่นสุดท้ายแล้วรุ่น 50
ที่มีการล้างฟิล์มซึ่งพี่ว่ามันเจ๋งมากนะครับ
อ่า..ถามถึงเรื่องดนตรีนี่หว่าไปเรื่องฟิล์มเรื่องภาพอะไรวะ
ไม่..หมายถึงว่ามันรวมๆกับศิลปะดี อีกอย่างรุ่นพี่ 48 ก็มี better weather ด้วย ตอนพี่เข้าปี1 50 ตอนรับ น้อง
พี่หนึ่ง ETC
ที่เป็นนักร้องETC ก็เป็นศิษย์เก่าเขาก็มารับน้องด้วย
ก็เป็นเรื่องจูงใจอยากเล่นดนตรีว่ะ อย่างคณะเรามีกิจกรรมอะไรก็ชอบมีวงดนตรีสด
เช่นบายเนียร์ โฮมคัมมิ่ง รับน้อง อะไรทุกอย่างของคณะเรามีดนตรีหมด
เหตุการณ์อะไรที่ทำให้ได้มาเล่นดนตรีด้วยกัน
ฮั้ว : กับสมาชิกวง NAP A LEAN เคยรู้จักกันนานแล้วตั้งแต่สมันม.ปลาย
เล่นดนตรีตามงานประกวด นักร้องนำ มือเบส มือกลอง ก็คนละวงกัน เวลาไปประกวดก็เจอกัน
ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ ก็รู้จักกัน พอแยกย้ายกันไป ผ่านไป 4-5 ปี
กลับมาเจอกัน ก็เริ่มแต่งเพลงแล้วก็มีคนสนใจเพลงที่เราแต่งไว้ ตอนนั้นเราแต่งเพลง “ได้ยินข่าว”
แล้วร้องให้ โต้(นักร้องนำ) ฟังโต้ก็บอกเห้ยดีอะ
อยากร้องเพลงนี้ ทำดูโอกันไหม ปัจจุบันก็มี4คน ก็ชวน ๆ
มานั่นแหละเป็นทีมแบ็คอัพจากเชียงใหม่ซึ่งเป็นเพื่อน ๆ กัน ที่เล่นดนตรีกลางคืน
เมื่อก่อนเล่นที่มังกี้*
*มังกี้ คือ
อดีตผับดังย่านนิมมานเหมินท์
แนวเพลงของวง NAP A LEAN
ฮั้ว : เรียกแนวเพลงของพวกเราว่า Alternative pop หรือ indy pop ก็ได้ครับ
ไอเดียคือ อยากทำเพลงที่ติดหูคนทั่วไป แบบ pop ตลาด
แต่พวกเราก็อยากให้เป็นตัวเองที่สุด ดนตรีก็เลยมีลวดลายที่มีเอกลักษณ์ แตกต่างจากท้องตลาดทั่วไป
เรียกว่าเป็นเพลง pop ทางเลือกก็ได้ครับ
ชื่อวงมาจาก
ฮั้ว : พวกเราตั้งชื่อ โดยใช้วิธีคิดแบบ
ตั้งชื่อเรียกเฉพาะครับ ไม่ได้มีความหมายเป็นสำคัญ แต่เน้น search หาเจอ
ไม่ซ้ำใคร เพราะยุคที่เราเริ่มทำเพลงกันเองนั้น เป็นยุคที่คนฟังเพลงจาก internet ซะส่วนมาก
นั่นคือเหตุผลที่ nap a lean เป็น วลี ที่ผิดไวยากรณ์ ทำให้
เมื่อพิมพ์หาในโลกออนไลน์ก็จะเจอแต่พวกเราขึ้นมา เพราะ
วลีนี้ไม่มีใครเขาใช้กันครับ
อยากจะบอกกับน้อง ๆ
ที่กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย
ฮั้ว :
อันดับแรกคือเรียนให้จบหลังจากเรียนจบได้วุฒิป.ตรีมาแล้วอยากจะทำอะไรก็ทำไปเลย
อยากจะท่องเที่ยว อยากจะหาเงิน อยากทำอะไรก็ทำ
แต่ระหว่างที่เรียนก็แล้วแต่คนว่าอยากทำอะไร พี่ก็ทำหลายอย่างอยู่เหมือนกัน
เรื่องเรียนมันเป็นเหมือนเรื่องที่ต้องทำ เพราะว่าวุฒิการศึกษาป.ตรี
ในชีวิตจริงได้ใช้งานแน่นอน เพราะฉะนั้นน้องๆที่เรียนอยู่เรียนให้จบนะครับ
จะได้ทำตามสิ่งที่ตัวเองอยากทำ ใช้วุฒิไปทำหรือว่าถ้าจะไม่ทำตามที่เรียน
สาขาที่เรียน ก็เรียนให้จบไปก่อนก็ไปทำได้ไม่เป็นไร
แต่ที่สำคัญคือเรียนให้จบไปก่อน
ถ้าพูดถึง 4.0 จะคิดถึงอะไร
ฮั้ว : 4.0 เป็น นิยาม มโน อุปทาน
อันเป็นสัญลักษณ์ของความทันสมัย แสดงถึงการปรับปรุงมาถึง 4เวอร์ชั่นหรือมากกว่า
เพราะฉะนั้นมันต้องดีแน่ๆ ใหม่ล้ำยุคสุดๆ
ซึ่งในบางที่ก็เป็นนิยามแห่งความล้าหลังเช่นกัน เพราะบางทีถ้าหากของมันดีจริง
มันต้องเยี่ยมตั้งแต่เวอร์ชั่น 1.0 ก็น่าจะพอแล้ว การปรับปรุงมาถึง 4.0 ก็แสดงถึงความห่วยแตกได้เหมือนกันครับ
ความเกี่ยวพันของเลข 4 ในวง
เลข 4 ก็ วงมีสมาชิก 4 คน
โต้นักร้องนำชอบกิน เย็นตา 4
บาสมือเบสชอบกินชาย 4 บะหมี่เกี๊ยว
ฝากผลงาน
เพลงที่บอกเล่าอีกมุมหนึ่งของ
การแตกหักในชีวิตคู่ เพราะเมื่อมีฝ่ายที่โดนบอกเลิก ก็ต้องมีฝ่ายบอกเลิก
เป็นของคู่กันเสมอ แต่ใครๆ ก็เอาแต่มองว่าฝ่ายบอกเลิก เป็นคนนิสัยไม่ดี
จะมีใครมาสนใจความรู้สึกของฝ่าย 'บอกเลิก' บ้างว่า พวกเขาก็เสียใจ
และเจ็บปวดไม่แพ้กันที่ต้องเลือกจบความรักทั้งที่ไม่ได้อยากจบมัน เพราะการบอก 'เลิกคบ' มันไม่ได้แปลว่า
'เลิกรัก'... "หยุดเลยอย่างร้อง"
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น